Dr.mo clinic logo
Blog

อยากหน้าเด็กตลอดกาล? เคล็ดลับชะลอวัย ฉบับ หมอโม กับประสบการณ์ 23 ปี

อยากหน้าเด็กตลอดกาล? เคล็ดลับชะลอวัย ฉบับ หมอโม กับประสบการณ์ 23 ปี
อยากหน้าเด็กตลอดกาล? เคล็ดลับชะลอวัย ฉบับ หมอโม กับประสบการณ์ 23 ปี

สวัสดีค่ะ หมอโม หรือ แพทย์หญิงชัญญาภัค ดวงใจ  ค่ะ หมอเป็นแพทย์ผู้ก่อตั้ง DR.MO Clinic คลินิกเวชกรรมความงามที่เชียงใหม่ ซึ่งเปิดให้บริการมากว่า 23 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หมอมุ่งเน้นการดูแลคนไข้แบบองค์รวม โดยให้ความสำคัญกับทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจไปพร้อมๆ กัน เพราะหมอเชื่อเสมอว่า ความงามที่ยั่งยืนและแท้จริงนั้น จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรามีสุขภาพที่ดีจากภายในสู่ภายนอก

ใครๆ ก็อยากคงความอ่อนเยาว์ มีผิวพรรณที่สดใส ไร้ริ้วรอย ดูหน้าเด็กตลอดกาล แต่เมื่ออายุมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงของร่างกายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถชะลอวัย และดูอ่อนเยาว์ได้นานกว่าที่คิด หากรู้จักดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี

ด้วยประสบการณ์กว่า 23 ปี ในฐานะแพทย์ด้านเวชกรรมความงาม หมอโมได้รวบรวมเคล็ดลับในการดูแลตัวเอง เพื่อชะลอวัย แบบองค์รวม ทั้งการดูแลจากภายใน และการดูแลจากภายนอก มาฝากทุกท่านค่ะ

ทำความเข้าใจกับ “วัยที่เพิ่มขึ้น”

ก่อนที่เราจะไปดูเคล็ดลับในการชะลอวัย  เรามาทำความเข้าใจกับกระบวนการชะลอวัยของร่างกายกันก่อนค่ะ “ความชรา” เป็นกระบวนการทางธรรมชาติ  ที่เกิดขึ้นกับทุกคน  เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถหยุดยั้งได้  แต่เราสามารถชะลอ  และดูแลตัวเอง  เพื่อให้ร่างกาย  และจิตใจ  แข็งแรง  อยู่กับเราไปได้นานที่สุด

สัญญาณของความชรา

ทำความเข้าใจกับ "วัยที่เพิ่มขึ้น"
ทำความเข้าใจกับ “วัยที่เพิ่มขึ้น”
  • ริ้วรอย: ริ้วรอย และความหย่อนคล้อย เป็นสัญญาณ ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด ของความชรา เกิดจากการลดลงของคอลลาเจน และอิลาสติน ในชั้นผิว ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น และเกิดริ้วรอย เช่น รอยตีนกา ร่องแก้ม รอยย่นบนหน้าผาก
  • ผมหงอก: เม็ดสี ที่ทำให้ผมมีสีดำ จะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ผมกลายเป็นสีขาว หรือสีเทา
  • สายตาฝ้าฟาง: เลนส์ตาจะขุ่นลง ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน
  • การได้ยินลดลง: เซลล์ประสาทหูชั้นใน จะเสื่อมลง ทำให้การได้ยินลดลง
  • กระดูกพรุน: มวลกระดูกจะลดลง ทำให้กระดูกเปราะ และแตกหักง่าย
  • โรคเรื้อรัง: ความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง จะเพิ่มขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น
  • ภาวะสมองเสื่อม: การทำงานของสมอง จะลดลง ทำให้ความจำ และการเรียนรู้ ลดลง
  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง: ร่างกาย จะสร้างภูมิคุ้มกันได้น้อยลง ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และโรคต่างๆ มากขึ้น
  • การนอนหลับเปลี่ยนไป: อาจมีปัญหา ในการนอนหลับ เช่น นอนไม่หลับ หลับยาก ตื่นกลางดึก หรือนอนหลับไม่สนิท
  • การเผาผลาญพลังงานลดลง: ทำให้มีแนวโน้ม ที่จะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น และเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน

ปัจจัยที่มีผลต่อความชรา

  • พันธุกรรม: พันธุกรรมมีส่วนสำคัญ ในการกำหนดอายุขัย และความเสี่ยง ในการเกิดโรคต่างๆ
  • ไลฟ์สไตล์: การใช้ชีวิต เช่น การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย การนอนหลับ การจัดการความเครียด การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ ล้วนมีผลต่อความชรา
  • สิ่งแวดล้อม: มลภาวะ แสงแดด และสารเคมีต่างๆ ล้วนมีผลต่อความชรา
  • ฮอร์โมน: ระดับฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนเพศ ฮอร์โมนเจริญเติบโต จะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อความชรา

เคล็ดลับชะลอวัย ฉบับหมอโม

การชะลอวัยอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยการดูแลตัวเองทั้งภายในและภายนอก หมอโมขอแนะนำเคล็ดลับต่างๆ ดังนี้


1. การดูแลจากภายใน

การดูแลสุขภาพจากภายในเป็นพื้นฐานสำคัญของการชะลอวัย ร่างกายที่แข็งแรง ระบบต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ย่อมส่งผลให้เรามีสุขภาพผิวที่ดี และดูอ่อนเยาว์ได้นานขึ้น

เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

อาหารที่เรากินเข้าไปในแต่ละวัน เปรียบเสมือนเชื้อเพลิงที่หล่อเลี้ยงร่างกาย มีผลโดยตรงต่อสุขภาพ ทั้งสุขภาพร่างกายโดยรวม และสุขภาพผิวพรรณ อาหารบางชนิดช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ บำรุงร่างกายให้แข็งแรง ในขณะที่อาหารบางชนิดก็มีสารอาหาร และคุณสมบัติพิเศษ ที่ช่วยในการชะลอวัย ต้านความเสื่อมของเซลล์

หลักการเลือกรับประทานอาหารเพื่อชะลอวัย
หลักการเลือกรับประทานอาหารเพื่อชะลอวัย

หลักการเลือกรับประทานอาหารเพื่อชะลอวัย

  • เน้นอาหารที่หลากหลาย ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน ควรเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลาย ครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสม ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุ
  • เลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ธัญพืช จะถูกย่อย และดูดซึม เข้าสู่ร่างกายอย่างช้าๆ ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือด คงที่ และให้พลังงาน แก่ร่างกายอย่างยั่งยืน ต่างจากคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว น้ำตาล ซึ่งจะถูกย่อย และดูดซึม เข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มขึ้นสูง และลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้อ่อนเพลีย และหิวบ่อย
  • เลือกโปรตีนคุณภาพดี โปรตีน เป็นสารอาหาร ที่จำเป็น ต่อการสร้าง และซ่อมแซม เซลล์ และเนื้อเยื่อ ในร่างกาย ควรเลือกโปรตีน จากแหล่ง ที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ ไข่ ถั่ว เต้าหู้
  • เลือกไขมันดี ไขมัน เป็นสารอาหาร ที่จำเป็น ต่อร่างกาย แต่ควรเลือกไขมันดี เช่น ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน ซึ่งพบใน อะโวคาโด ถั่ว น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว ปลาทะเลน้ำลึก
  • เน้นผักและผลไม้ ผักและผลไม้ อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยบำรุงร่างกาย และผิวพรรณ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ และลดความเสี่ยง ในการเกิดโรคต่างๆ
  • ลดอาหารแปรรูป อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน อาหารกระป๋อง มักมีโซเดียม และสารกันเสีย สูง ซึ่งส่งผลเสีย ต่อสุขภาพ และอาจทำให้ผิวพรรณ เสื่อมสภาพ และแก่ก่อนวัย
  • ลดน้ำตาล น้ำตาล เป็นสาเหตุของริ้วรอย และความหย่อนคล้อย ของผิว ควรลด หรือหลีกเลี่ยง อาหาร และเครื่องดื่ม ที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม ขนมหวาน ลูกอม
ตัวอย่างอาหารที่ช่วยชะลอวัย
  • เบอร์รี่: บลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินซี ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ และบำรุงผิวพรรณ
  • ผักใบเขียว: ผักโขม คะน้า บรอกโคลี กวางตุ้ง มีวิตามินและแร่ธาตุสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และบำรุงร่างกาย
  • ปลาทะเลน้ำลึก: ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงสมอง และบำรุงผิว
  • ดาร์กช็อกโกแลต: มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความดันโลหิต และปรับปรุงการไหลเวียนเลือด
  • ถั่วต่างๆ: อัลมอนด์ วอลนัท เม็ดมะม่วงหิมพานต์ มีไขมันดี โปรตีน และวิตามิน ช่วยบำรุงหัวใจ และบำรุงสมอง
  • ธัญพืช: ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ควินัว เป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน และไฟเบอร์ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และระบบขับถ่าย
  • ผลไม้: อะโวคาโด มะเขือเทศ ส้ม เป็นแหล่งของวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ

น้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญของร่างกาย คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 55-78% ของน้ำหนักตัว มีบทบาทสำคัญในการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย ตั้งแต่การลำเลียงสารอาหาร และออกซิเจน ไปยังเซลล์ต่างๆ การขับของเสียออกจากร่างกาย การควบคุมอุณหภูมิ ไปจนถึงการหล่อลื่นข้อต่อ และปกป้องอวัยวะ และเนื้อเยื่อ ไม่เพียงแต่ร่างกายเท่านั้นที่ต้องการน้ำ แต่ผิวพรรณของเราก็ต้องการน้ำเช่นกัน น้ำช่วยรักษาความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น และความเปล่งปลั่งของผิว ดังนั้นการดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอจึงเป็นหัวใจสำคัญในการชะลอวัย และคงความอ่อนเยาว์

ประโยชน์ของการดื่มน้ำสะอาด

  • ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น: น้ำช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว ทำให้ผิวนุ่ม เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์ ลดเลือนริ้วรอย และความแห้งกร้าน
  • ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย: น้ำช่วยขับของเสีย และสารพิษ ออกจากร่างกาย ผ่านทางเหงื่อ และปัสสาวะ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยง ในการเกิดโรคต่างๆ และช่วยให้ผิวพรรณ สดใส
  • ช่วยควบคุมน้ำหนัก: น้ำช่วยเพิ่มความรู้สึกอิ่ม ลดความอยากอาหาร และช่วยในการเผาผลาญพลังงาน ซึ่งส่งผลดี ต่อการควบคุมน้ำหนัก
  • ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี: น้ำช่วยในการย่อยอาหาร และการดูดซึมสารอาหาร ป้องกันอาการท้องผูก
  • ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี: น้ำช่วยในการลำเลียง สารอาหาร และออกซิเจน ไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย รวมถึงเซลล์ผิวหนัง
  • ช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย: น้ำช่วยระบายความร้อน ออกจากร่างกาย ผ่านทางเหงื่อ ซึ่งช่วยป้องกัน ภาวะร่างกายขาดน้ำ และ โรคลมแดด
ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ

ดื่มน้ำเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ?

โดยทั่วไปแนะนำให้ดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตร แต่ปริมาณน้ำที่เหมาะสม อาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ เพศ น้ำหนัก กิจกรรม และสภาพอากาศ ผู้ที่ออกกำลังกาย หรืออยู่ในสภาพอากาศร้อน อาจต้องดื่มน้ำมากกว่าปกติ สังเกตได้จากสีของปัสสาวะ หากปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม แสดงว่าร่างกายกำลังขาดน้ำ

เคล็ดลับการดื่มน้ำ

  • จิบน้ำบ่อยๆ ตลอดวัน: ไม่ควรรอให้รู้สึกกระหายน้ำ ค่อยดื่ม ควรจิบน้ำบ่อยๆ ตลอดทั้งวัน
  • พกขวดน้ำติดตัว: เพื่อเตือนตัวเอง ให้ดื่มน้ำ และสะดวก ในการดื่มน้ำ ได้ทุกที่ ทุกเวลา
  • ดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร: ช่วยเพิ่มความรู้สึกอิ่ม และลดปริมาณอาหาร ที่รับประทาน
  • ดื่มน้ำหลังตื่นนอน: ช่วยเติมน้ำ ที่ร่างกายสูญเสียไป ระหว่างการนอนหลับ
  • เลือกดื่มน้ำเปล่า: เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ในการเติมน้ำให้ร่างกาย หลีกเลี่ยงเครื่องดื่ม ที่มีน้ำตาล คาเฟอีน และแอลกอฮอล์ ซึ่งมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกาย สูญเสียน้ำ มากขึ้น

ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายเป็นเสมือนยาอายุวัฒนะ ที่ช่วยชะลอวัย และเสริมสร้างสุขภาพ ให้แข็งแรง ทั้งร่างกาย และจิตใจ การออกกำลังกาย ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เซลล์ผิว ได้รับออกซิเจน และสารอาหาร อย่างเพียงพอ ช่วยลดความเครียด ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอยก่อนวัย และยังช่วยกระตุ้น การสร้างคอลลาเจน และอิลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีน ที่ช่วยให้ผิว แข็งแรง และยืดหยุ่น

ประโยชน์ของการออกกำลังกายต่อการชะลอวัย

  • ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และกระดูก: เมื่ออายุมากขึ้น มวลกล้ามเนื้อ และมวลกระดูก จะค่อยๆ ลดลง การออกกำลังกาย ช่วยชะลอ และป้องกัน ภาวะกล้ามเนื้อลีบ และกระดูกพรุน ทำให้ร่างกาย แข็งแรง เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว
  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ และปอด: การออกกำลังกาย ช่วยให้หัวใจ และปอด แข็งแรง ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยง ของโรคหัวใจ และหลอดเลือด
  • ช่วยควบคุมน้ำหนัก: การออกกำลังกาย ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ และไขมัน ส่วนเกิน ช่วยควบคุมน้ำหนัก และลดความเสี่ยง ของโรคอ้วน ซึ่งเป็นสาเหตุ ของโรคเรื้อรัง ต่างๆ
  • ช่วยลดความเครียด และ ภาวะซึมเศร้า: การออกกำลังกาย ช่วยกระตุ้น การหลั่งสารเอ็นโดรฟิน (Endorphin) ซึ่งเป็นฮอร์โมน แห่งความสุข ช่วยลดความเครียด และ ภาวะซึมเศร้า ทำให้จิตใจ แจ่มใส และอารมณ์ดี
  • ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ: การออกกำลังกาย ช่วยให้ นอนหลับง่าย และหลับสนิท มากขึ้น
  • ช่วยเพิ่ม ภูมิคุ้มกัน: การออกกำลังกาย ช่วยกระตุ้น ระบบภูมิคุ้มกัน ของร่างกาย ให้แข็งแรง ลดความเสี่ยง ในการติดเชื้อ และ โรคต่างๆ
  • ช่วยชะลอ ความเสื่อมของเซลล์: การออกกำลังกาย ช่วยกระตุ้น การสร้าง สารต้านอนุมูลอิสระ ในร่างกาย ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ จากการถูกทำลาย และ ชะลอความเสื่อม ของเซลล์
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

ประเภทของการออกกำลังกาย

  • การออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic exercise): เป็นการออกกำลังกาย ที่ใช้กล้ามเนื้อ มัดใหญ่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การเดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิก ช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพ การทำงาน ของหัวใจ และ ปอด เผาผลาญแคลอรี่ และ ลดไขมัน
  • การออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ของกล้ามเนื้อ (Strength training): เป็นการออกกำลังกาย ที่ใช้แรงต้าน เช่น การยกน้ำหนัก การใช้ bodyweight ช่วยเพิ่ม มวลกล้ามเนื้อ และ ความแข็งแรง ของกระดูก
  • การออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น (Flexibility training): เช่น โยคะ พิลาทิส ช่วยเพิ่ม ความยืดหยุ่น ของกล้ามเนื้อ และ ข้อต่อ ลดความเสี่ยง ของการบาดเจ็บ

คำแนะนำในการออกกำลังกาย

  • ควรเลือก ประเภท ของการออกกำลังกาย ที่เหมาะสม กับ สุขภาพ และ ความชอบ ของตนเอง
  • ควร วอร์มร่างกาย (Warm-up) ก่อนออกกำลังกาย และ คูลดาวน์ (Cool-down) หลังออกกำลังกาย ทุกครั้ง
  • ควร ออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาที ต่อวัน สัปดาห์ละ 3-5 วัน
  • ควร เพิ่ม ความหนัก ของการออกกำลังกาย อย่างค่อยเป็นค่อยไป
  • ควร ปรึกษาแพทย์ ก่อนเริ่ม ออกกำลังกาย หากมีโรคประจำตัว

การดูแลตัวเอง หลังออกกำลังกาย

  • ควร ดื่มน้ำ ให้เพียงพอ เพื่อทดแทน น้ำ ที่เสียไป กับเหงื่อ
  • ควร รับประทานอาหาร ที่มีประโยชน์ เพื่อ ซ่อมแซม กล้ามเนื้อ และ เติมพลังงาน
  • ควร ยืดกล้ามเนื้อ หลังออกกำลังกาย เพื่อ ลดอาการปวดเมื่อย
  • ควร พักผ่อน ให้เพียงพอ

นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เป็นรากฐานสำคัญของสุขภาพที่ดีและความงามที่ยั่งยืน ในขณะที่เรานอนหลับ ร่างกายจะได้ฟื้นฟูและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ กระบวนการต่างๆ ในร่างกาย เช่น การสร้างเซลล์ใหม่ การผลิตฮอร์โมน และการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน จะทำงานได้อย่างเต็มที่ การนอนหลับ จึงเปรียบเสมือนการชาร์จพลังให้กับร่างกาย และผิวพรรณ ช่วยให้เรามีสุขภาพแข็งแรง ผิวพรรณสดใส และดูอ่อนเยาว์

ประโยชน์ของการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ

  • ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูร่างกาย: ในขณะที่เรานอนหลับ ร่างกายจะหลั่ง โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมน ที่ช่วยในการเจริญเติบโต และซ่อมแซม เซลล์ และเนื้อเยื่อ ต่างๆ ในร่างกาย รวมถึง เซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณ แข็งแรง และ ฟื้นฟู จากความเสียหาย ที่เกิดขึ้น ในระหว่างวัน
  • ช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol): คอร์ติซอล เป็นฮอร์โมนความเครียด ที่ร่างกายหลั่งออกมา เมื่อเรา มีความเครียด วิตกกังวล หรือ อดนอน ฮอร์โมนคอร์ติซอล มีส่วนทำให้ คอลลาเจน และ อิลาสติน ในชั้นผิว ถูกทำลาย ทำให้ผิว สูญเสีย ความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอย และ หมองคล้ำ การนอนหลับพักผ่อน อย่างเพียงพอ ช่วยลดระดับ ฮอร์โมนคอร์ติซอล จึงช่วยชะลอวัย และ คงความอ่อนเยาว์ ของผิวพรรณ
  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การทำงานของสมอง: การนอนหลับ ช่วยให้สมอง ได้พักผ่อน และ จัดระเบียบข้อมูล ทำให้ความจำ และ สมาธิ ดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยง ของ ภาวะสมองเสื่อม
  • ช่วยเสริมสร้าง ระบบภูมิคุ้มกัน: การนอนหลับ ช่วยให้ร่างกาย ผลิต ไซโตไคน์ (Cytokines) ซึ่งเป็นโปรตีน ที่ช่วย กระตุ้น ระบบภูมิคุ้มกัน ให้แข็งแรง ลดความเสี่ยง ในการติดเชื้อ และ โรคต่างๆ
  • ช่วยควบคุม น้ำหนัก: การนอนหลับ ช่วยควบคุม ระดับฮอร์โมน เลปติน (Leptin) และ เกรลิน (Ghrelin) ซึ่งเป็นฮอร์โมน ที่ควบคุม ความอยากอาหาร การนอนหลับ ไม่เพียงพอ อาจทำให้ ระดับเลปติน ลดลง และ ระดับเกรลิน เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ รู้สึกหิวบ่อย และ มีแนวโน้ม ที่จะมีน้ำหนักตัว เพิ่มขึ้น
  • ช่วยปรับปรุง อารมณ์: การนอนหลับ ช่วยให้ อารมณ์ดี และ แจ่มใส ลดความเสี่ยง ของ ภาวะซึมเศร้า และ วิตกกังวล

นอนเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ?

โดยทั่วไป ผู้ใหญ่ ควรนอนหลับพักผ่อน ให้ได้วันละ 7-9 ชั่วโมง แต่ ความต้องการ ในการนอนหลับ อาจแตกต่างกันไป ในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับ อายุ สุขภาพ และ กิจกรรม ในแต่ละวัน

นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

เคล็ดลับ เพื่อการนอนหลับ ที่ดี

  • เข้านอน และ ตื่นนอน ให้เป็นเวลา สม่ำเสมอ แม้ในวันหยุด
  • สร้างบรรยากาศ ในห้องนอน ให้ เงียบสงบ มืดสนิท และ อุณหภูมิ เหมาะสม
  • หลีกเลี่ยง การดื่ม ชา กาแฟ แอลกอฮอล์ และ การสูบบุหรี่ ก่อนนอน
  • ไม่ควรรับประทานอาหาร มื้อหนัก ก่อนนอน
  • ผ่อนคลาย ก่อนนอน เช่น การอาบน้ำอุ่น การอ่านหนังสือ การฟังเพลง เบาๆ
  • ออกกำลังกาย เป็นประจำ แต่ ควร หลีกเลี่ยง การออกกำลังกาย หนักๆ ก่อนนอน
  • หาก มีปัญหา ในการนอนหลับ ควรปรึกษาแพทย์

จัดการความเครียด

จัดการความเครียด
จัดการความเครียด

ในชีวิตประจำวัน เราต้องเผชิญกับความเครียดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องครอบครัว หรือเรื่องส่วนตัว ความเครียด ส่งผลเสียต่อสุขภาพกาย และสุขภาพจิต รวมถึงเป็นตัวการเร่งความชราอีกด้วย เมื่อเรามีความเครียดร่างกายจะหลั่ง ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียด ฮอร์โมนคอร์ติซอลมีส่วนทำให้คอลลาเจน และอิลาสตินในชั้นผิว ถูกทำลายทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอย และหมองคล้ำ นอกจากนี้ ความเครียดยังส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน การนอนหลับ และระบบเผาผลาญของร่างกาย ดังนั้น การจัดการความเครียดจึงเป็นสิ่งสำคัญ ในการชะลอวัยและคงความอ่อนเยาว์

วิธีจัดการความเครียด

  • ฝึก การหายใจ: การฝึกหายใจแบบลึกๆ และช้าๆ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และระบบประสาท ลดความตึงเครียด และความวิตกกังวล
  • ออกกำลังกาย: การออกกำลังกาย ช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นโดรฟิน (Endorphin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข ช่วยลดความเครียดและภาวะซึมเศร้า ทำให้จิตใจแจ่มใสและอารมณ์ดี
    ทำสมาธิ: การทำสมาธิช่วยฝึกสมาธิ และการมีสติรู้ตัวอยู่ในปัจจุบัน ช่วยลดความฟุ้งซ่าน และความวิตกกังวล
  • ใช้เวลา อยู่กับธรรมชาติ: การสัมผัสกับธรรมชาติ เช่น การเดินเล่นในสวนสาธารณะ การปลูกต้นไม้ การดูแลสัตว์เลี้ยง ช่วยผ่อนคลาย ความเครียด และทำให้จิตใจสงบ
  • ฟังเพลง: การฟังเพลงที่ชอบ ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ และลดความเครียด
  • อ่านหนังสือ: การอ่านหนังสือช่วยผ่อนคลาย ความเครียด และเพิ่มพูนความรู้
  • พูดคุยกับเพื่อน หรือ คนในครอบครัว: การระบายความรู้สึกกับคนที่ไว้ใจได้ช่วยลดความเครียด และทำให้รู้สึกสบายใจ
  • ทำกิจกรรมที่ชอบ: เช่น การดูหนัง การฟังเพลง การเล่นเกม การทำอาหาร การวาดรูป การถักนิตติ้ง ช่วยผ่อนคลาย ความเครียด และทำให้มีความสุข
  • จัดสรรเวลาให้เหมาะสม: การจัดสรรเวลาในการทำงาน การพักผ่อนและการทำกิจกรรมต่างๆ อย่างเหมาะสมช่วยลดความเครียด และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

หากมีความเครียดเรื้อรัง หรือจัดการความเครียด ไม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ

ดูแลสุขภาพลำไส้

หลายคนอาจไม่ทราบว่าสุขภาพลำไส้มีความสัมพันธ์ กับสุขภาพโดยรวมและความอ่อนเยาว์อย่างมาก ลำไส้เป็นที่อยู่ของจุลินทรีย์จำนวนมหาศาล ทั้งชนิดดีและชนิดไม่ดี จุลินทรีย์ชนิดดี มีบทบาทสำคัญใน การย่อยอาหาร การดูดซึมสารอาหาร การสร้างวิตามินและการเสริมสร้าง ภูมิคุ้มกันหากเรามีสุขภาพลำไส้ที่ดีจุลินทรีย์ชนิดดีจะมีจำนวนมากกว่าจุลินทรีย์ชนิดไม่ดี ทำให้ร่างกายแข็งแรงระบบต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้ผิวพรรณสดใสและดูอ่อนเยาว์ ในทางกลับกันหากเรามีสุขภาพลำไส้ที่ไม่ดี จุลินทรีย์ชนิดไม่ดีจะมีจำนวนมากกว่าจุลินทรีย์ชนิดดี ส่งผลให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ รวมถึงทำให้ผิวพรรณหมองคล้ำและแก่ก่อนวัย

วิธีดูแลสุขภาพลำไส้
  • รับประทานอาหาร ที่มีโพรไบโอติกส์ (Probiotics)

โพรไบโอติกส์ คือ จุลินทรีย์ ที่มีชีวิต ชนิดดี ที่ เมื่อรับประทาน เข้าไปแล้ว จะ ช่วยเพิ่ม จำนวน จุลินทรีย์ ชนิดดี ในลำไส้ อาหาร ที่ อุดมไปด้วย โพรไบโอติกส์ เช่น โยเกิร์ต, นมเปรี้ยว, กิมจิ, นัตโตะ, มิโซะ, เทมเป้, ผักดอง

  • รับประทานอาหาร ที่มีพรีไบโอติกส์ (Prebiotics)

พรีไบโอติกส์ คือ อาหาร ของ จุลินทรีย์ ชนิดดี ในลำไส้ ช่วยส่งเสริม การเจริญเติบโต ของ จุลินทรีย์ ชนิดดี อาหาร ที่ อุดมไปด้วย พรีไบโอติกส์ เช่น กล้วย, หัวหอม, กระเทียม, หน่อไม้ฝรั่ง, ถั่วเหลือง, ข้าวโอ๊ต, ข้าวบาร์เลย์

  • รับประทานอาหาร ที่มีไฟเบอร์สูง

ไฟเบอร์ เป็น คาร์โบไฮเดรต ชนิดหนึ่ง ที่ ร่างกาย ไม่สามารถ ย่อยได้ แต่ มีประโยชน์ ต่อ ระบบขับถ่าย และ สุขภาพลำไส้ ไฟเบอร์ ช่วย เพิ่ม กาก ใน อุจจาระ ทำให้ อุจจาระ นิ่ม และ ขับถ่าย ง่าย ป้องกัน อาการท้องผูก และ ช่วย กำจัด สารพิษ ออกจาก ร่างกาย อาหาร ที่ อุดมไปด้วย ไฟเบอร์ เช่น ผัก, ผลไม้, ธัญพืช, ถั่ว

ตรวจสุขภาพประจำปี

การตรวจสุขภาพประจำปีเป็นเสมือนการตรวจเช็คสภาพร่างกายของเราอย่างละเอียด ช่วยให้เราทราบถึงความผิดปกติต่างๆ ของร่างกาย ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นซึ่งทำให้สามารถรักษาและป้องกัน โรคต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที การตรวจสุขภาพเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว และช่วยให้เรา สามารถดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม

ทำไมต้องตรวจสุขภาพประจำปี?

  • เพื่อค้นหาความผิดปกติของร่างกาย ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น: โรคบางชนิดในระยะเริ่มต้น อาจไม่แสดงอาการ เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง การตรวจสุขภาพช่วยให้ สามารถตรวจพบโรคเหล่านี้ ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นซึ่งทำให้สามารถรักษาได้อย่าง มีประสิทธิภาพและมีโอกาสหายขาดมากขึ้น
  • เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเกิดโรค: การตรวจสุขภาพช่วยให้สามารถประเมินความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ได้ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง ซึ่งทำให้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลตัวเอง เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้
  • เพื่อติดตามผลการรักษา: หากมีโรคประจำตัวการตรวจสุขภาพ ช่วยให้สามารถติดตามผลการรักษาและปรับแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
  • เพื่อปรึกษาแพทย์: การตรวจสุขภาพเป็นโอกาสที่จะได้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพและการดูแลตัวเอง

การตรวจสุขภาพที่แนะนำสำหรับผู้ใหญ่

  • การตรวจร่างกายทั่วไป: วัดส่วนสูง ชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต ฟังเสียงหัวใจและปอด
  • การตรวจเลือด: ตรวจระดับน้ำตาล ไขมัน ตับ ไต และความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
  • การตรวจปัสสาวะ: ตรวจความผิดปกติของไตและทางเดินปัสสาวะ
  • การตรวจอุจจาระ: ตรวจหาพยาธิและเลือดในอุจจาระ
  • การตรวจเอกซเรย์ปอด: ตรวจความผิดปกติของปอด
  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG): ตรวจความผิดปกติของหัวใจ
  • การตรวจมะเร็ง: เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก

ความถี่ในการตรวจสุขภาพ

ความถี่ในการตรวจสุขภาพขึ้นอยู่กับ อายุ เพศ ประวัติสุขภาพ และความเสี่ยงในการเกิดโรค โดยทั่วไป แนะนำให้ตรวจสุขภาพปีละ 1 ครั้ง

การเตรียมตัวก่อนตรวจสุขภาพ

  • งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ก่อนตรวจเลือด
  • ควรนัดหมายล่วงหน้ากับโรงพยาบาล หรือคลินิก
  • นำประวัติการรักษาและยาที่รับประทานเป็นประจำไปด้วย
  • เสริมวิตามินและแร่ธาตุ

เสริมวิตามินและแร่ธาตุ

วิตามินและแร่ธาตุเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และชะลอความเสื่อมของเซลล์ แม้ว่าเราจะสามารถได้รับวิตามินและแร่ธาตุ จากการรับประทานอาหาร แต่ในบางกรณี เช่น ผู้ที่รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่, ผู้สูงอายุ, ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือ ผู้ที่อยู่ในภาวะเครียดร่างกาย อาจต้องการวิตามิน และแร่ธาตุเพิ่มขึ้น การเสริมวิตามินและแร่ธาตุ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยบำรุงร่างกายและชะลอวัย

วิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญต่อการชะลอวัย

  • วิตามินซี: เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่น แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เช่น ส้ม, มะนาว, ฝรั่ง, กีวี, บรอกโคลี
  • วิตามินอี: เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี เช่น อะโวคาโด, เมล็ดทานตะวัน, อัลมอนด์, ผักโขม
  • วิตามินเอ: ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ เช่น แครอท, ฟักทอง, ผักบุ้ง, ตับ
  • โคเอนไซม์คิวเท็น (Coenzyme Q10): เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับเซลล์ แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยโคเอนไซม์คิวเท็น เช่น เนื้อปลา, เนื้อไก่, ไข่, ธัญพืช
  • สังกะสี: ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและการสร้างคอลลาเจน แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยสังกะสี เช่น เนื้อสัตว์, อาหารทะเล, ถั่ว, ธัญพืช
  • ซีลีเนียม: เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยซีลีเนียม เช่น เนื้อสัตว์, อาหารทะเล, ไข่, ธัญพืช
วิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญต่อการชะลอวัย
วิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญต่อการชะลอวัย

วิธีเสริมวิตามินและแร่ธาตุ

  • การรับประทานอาหารที่หลากหลายและครบ 5 หมู่ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย
  • การรับประทานอาหารเสริม เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่หรือต้องการเสริมวิตามินและแร่ธาตุบางชนิดเป็นพิเศษ ควรเลือกอาหารเสริมที่มีคุณภาพและได้รับ การรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.)
  • การฉีดวิตามิน เป็นวิธีที่ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงร่างกายแบบเร่งด่วนหรือผู้ที่มีปัญหาการดูดซึมวิตามินจากทางเดินอาหาร

ที่ DR.MO Clinic มีบริการ “Vitamin Drip” หรือการให้วิตามินทางหลอดเลือดดำซึ่งเป็นวิธีที่ ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินไปใช้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เช่น

  • Chelation Drip: ช่วยขจัดสารพิษและโลหะหนักออกจากร่างกาย
  • Immune Active Vitamin Drip: ช่วยบำรุงร่างกายและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • Antioxidant Double Dose Push: ช่วยต้านอนุมูลอิสระและชะลอวัย
  • Brightening Vitamin Push: ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวกระจ่างใส
  • VitC Vitamin Push: ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว

ข้อควรระวังในการเสริมวิตามินและแร่ธาตุ

  • การรับประทานวิตามินและแร่ธาตุเกินขนาดอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ก่อนรับประทานวิตามินและแร่ธาตุทุกชนิด
  • ควรเลือกวิตามินและแร่ธาตุที่มีคุณภาพและได้รับการรับรองจาก อย.
  • ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรถึงยาที่รับประทานอยู่เป็นประจำ เพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา

การดูแลจากภายนอก

การดูแลตัวเองจากภายในเป็นพื้นฐานสำคัญของการชะลอวัย แต่การดูแลจากภายนอกก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน “หมอโม” แพทย์หญิงชัญญาภัค ดวงใจ แห่ง dr.mo clinic ขอแนะนำเคล็ดลับการดูแลผิวพรรณ เพื่อชะลอวัย ให้ผิวสวย สุขภาพดี และดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ

การดูแลจากภายนอก
การดูแลจากภายนอก

ปกป้องผิวจากแสงแดด

แสงแดดเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เร่งให้ผิวแก่ก่อนวัย รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ในแสงแดดทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิว ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอย จุดด่างดำ และหมองคล้ำ การปกป้องผิวจากแสงแดด จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยชะลอวัยและคงความอ่อนเยาว์ของผิวพรรณ

วิธีปกป้องผิวจากแสงแดด
  • ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันแม้ในวันที่ไม่มีแดด: ควรเลือกครีมกันแดด ที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และมี PA+++ เพื่อป้องกันทั้งรังสี UVA และ UVB ทาครีมกันแดด ก่อนออกแดดประมาณ 15-20 นาที และทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง หากต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน
  • หลีกเลี่ยงการออกแดดในช่วงเวลา 10.00-16.00 น.: ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แสงแดดแรงที่สุด
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกาย: เช่น เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว หมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด
  • กางร่ม: ช่วยป้องกันแสงแดดได้อีกระดับหนึ่ง
ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธี

การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธีเป็นขั้นตอนแรกและเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ในการดูแล ผิวพรรณ สิ่งสกปรก ฝุ่นละออง เครื่องสำอาง และความมันส่วนเกินที่ตกค้างบนใบหน้า เป็น สาเหตุของการเกิด สิว ริ้วรอยและปัญหาผิวต่างๆ การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธีจะ ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและสิ่งอุดตันออกจากรูขุมขน ลดโอกาสการเกิดสิวและช่วยให้ผิวสามารถดูดซึมผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการทำความสะอาดผิวหน้าที่ถูกต้อง
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสมกับสภาพผิว: เช่น
    • ผิวแห้ง: ควรเลือกใช้คลีนซิ่งที่เป็นน้ำนมหรือออยล์ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
    • ผิวมัน: ควรเลือกใช้คลีนซิ่งที่เป็นเจลหรือโฟม เพื่อช่วยลดความมันส่วนเกิน
    • ผิวแพ้ง่าย: ควรเลือกใช้คลีนซิ่งที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารกันเสียที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
  • ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด: ควรล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดอุณหภูมิปกติวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
  • ทำความสะอาดอย่างเบามือ: ไม่ควรขัดถูใบหน้าแรงๆ เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้
  • เช็ดหน้าให้แห้ง: หลังล้างหน้าควรใช้ผ้าขนหนูสะอาดซับหน้าเบาๆ จนแห้ง
  • บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

มอยส์เจอไรเซอร์หรือครีมบำรุงผิวเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผิวทุกประเภท แม้แต่ผิวมันมอยส์เจอไรเซอร์ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิวป้องกันการสูญเสียน้ำทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นและยืดหยุ่น ลดโอกาสการเกิดริ้วรอยและช่วยให้ผิวแข็งแรง สามารถต่อสู้กับมลภาวะต่างๆ ได้ดีขึ้น ควรเลือใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวและทาเป็นประจำทุกวันหลังล้างหน้า ทั้งเช้าและก่อนนอน

นอกจากมอยส์เจอไรเซอร์แล้วยังมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นๆ ที่ช่วยชะลอวัยและแก้ปัญหาผิวต่างๆ เช่น

  • เซรั่ม มีเนื้อบางเบาซึมซาบเร็ว ช่วยบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก เช่น เซรั่ม วิตามินซี ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ เซรั่มวิตามินอี ช่วยต้านอนุมูลอิสระและบำรุงผิว เซรั่มไฮยาลูโรนิกแอซิด ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว
  • ครีมบำรุงผิว มีเนื้อเข้มข้นกว่าเซรั่มช่วยบำรุงผิวและป้องกันการสูญเสียน้ำ เช่น ครีมลดเลือนริ้วรอย ครีมบำรุงผิวรอบดวงตา ครีมกันแดด
  • ขัดผิว (Exfoliate) การขัดผิวเป็นการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกที่อุดตันออกจากรูขุมขน ช่วยลด ความหมองคล้ำ จุดด่างดำและริ้วรอย ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น ควรขัดผิวสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิวและไม่ควรขัดถูแรงๆ เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้
  • มาส์กหน้า การมาส์กหน้าเป็นอีกหนึ่งวิธีในการบำรุงผิวและฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้น กระจ่างใสและลดเลือนริ้วรอย ควรเลือกใช้มาส์กหน้าที่เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาผิว เช่น มาส์กหน้าที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย มาส์กหน้าที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส มาส์กหน้าที่ช่วยลดสิว ควรมาส์กหน้าสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง

บริการชะลอวัย ย้อนวัยผิวสวย ที่ DR.MO Clinic

ที่ DR.MO Clinic เรามีหลากหลายบริการที่ช่วยชะลอวัย ฟื้นฟูผิวพรรณ และคืนความอ่อนเยาว์ให้กับคุณอีกครั้ง เช่น

  • โบท็อกซ์ (Botox): ช่วยลดเลือนริ้วรอย ยกกระชับใบหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวและลดขนาดกราม
  • ฟิลเลอร์ (Filler): ช่วยเติมเต็มร่องลึกเพิ่มวอลลุ่มให้กับใบหน้า แก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยและปรับรูปหน้าให้สวยได้รูป
  • ร้อยไหม (Thread Lift): ช่วยยกกระชับใบหน้ากระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบตึงลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้าให้เรียว
  • เมโส (Meso): ช่วยฟื้นฟูบำรุงและแก้ไขปัญหาผิว เช่น ลดเลือนริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ ลดรอยสิวและกระชับรูขุมขน
  • เลเซอร์ (Laser): ช่วยรักษาปัญหาผิวพรรณและชะลอวัย เช่น เลเซอร์หน้าใส รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ เลเซอร์ลดริ้วรอยและเลเซอร์กระชับผิว
  • ทรีทเมนท์ (Treatment): ช่วยบำรุงผิวและฟื้นฟูผิวหน้า เช่น AHA, Ozone, Phono, Lonto, Mask White, Mask Acne, คอร์ส Luminous, นวดหน้า, Scrub หน้า, และ Mask Gold
  • สารเติมเต็มผิว (Skin Booster): ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอก ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ลดเลือนริ้วรอยและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  • Indiba: ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดการอักเสบและฟื้นฟูร่างกาย ช่วยชะลอวัยและเสริมสร้างสุขภาพ

DR.MO Clinic พร้อมมอบประสบการณ์การดูแลผิวหน้าที่เหนือระดับ เพื่อให้คุณอ่อนเยาว์ สวยใส มั่นใจได้ในทุกช่วงวัย ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผลิตภัณฑ์คุณภาพ และการบริการที่เป็นเลิศ เราพร้อมเป็นเพื่อนคู่ใจในการเดินทางสู่ผิวสวยของคุณ

เคล็ดลับหน้าเด็ก อยู่ที่การดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ทั้งจากภายในและภายนอก DR.MO Clinic พร้อมเป็นผู้ช่วย ในการดูแลผิวพรรณ และชะลอวัย ให้คุณสวย สุขภาพดี และอ่อนเยาว์ อย่างยั่งยืน


FAQ

เกี่ยวกับความชรา

  1. สัญญาณของความชรามีอะไรบ้าง?

ริ้วรอย, ผมหงอก, สายตาฝ้าฟาง, การได้ยินลดลง, กระดูกพรุน, โรคเรื้อรัง, ภาวะสมองเสื่อม, ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ, การนอนหลับเปลี่ยนไป, การเผาผลาญลดลง

  1. ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อความชรา?

พันธุกรรม, ไลฟ์สไตล์ (อาหาร, การออกกำลังกาย, การนอนหลับ, ความเครียด), สิ่งแวดล้อม, ฮอร์โมน

เกี่ยวกับเคล็ดลับชะลอวัย

  1. เราจะชะลอวัยได้อย่างไร?
    • ดูแลจากภายใน: รับประทานอาหารที่มีประโยชน์, ดื่มน้ำสะอาด, ออกกำลังกาย, นอนหลับพักผ่อน, จัดการความเครียด, ดูแลสุขภาพลำไส้, ตรวจสุขภาพประจำปี, เสริมวิตามิน
    • ดูแลจากภายนอก: ทำความสะอาดผิวหน้า, บำรุงผิว, ปกป้องผิวจากแสงแดด, ขัดผิว, มาส์กหน้า
  2. อาหารชนิดใดบ้างที่ช่วยชะลอวัย?

เบอร์รี่, ผักใบเขียว, ปลาทะเลน้ำลึก, ดาร์กช็อกโกแลต, ถั่วต่างๆ, ธัญพืช, ผลไม้

  1. ควรดื่มน้ำวันละเท่าไหร่?
    โดยทั่วไปแนะนำ 6-8 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตร แต่ควรปรับตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
  2. การออกกำลังกายช่วยชะลอวัยอย่างไร?

ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก, เพิ่มประสิทธิภาพหัวใจและปอด, ควบคุมน้ำหนัก, ลดความเครียด, เพิ่มคุณภาพการนอนหลับ, เพิ่มภูมิคุ้มกัน, ชะลอความเสื่อมของเซลล์

  1. การนอนหลับพักผ่อนช่วยชะลอวัยอย่างไร?

ช่วยซ่อมแซมร่างกาย, ลดฮอร์โมนความเครียด, เพิ่มประสิทธิภาพสมอง, เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน, ควบคุมน้ำหนัก, ปรับปรุงอารมณ์

  1. มีวิธีจัดการความเครียดอย่างไรบ้าง?

ฝึกหายใจ, ออกกำลังกาย, ทำสมาธิ, ใช้เวลากับธรรมชาติ, ฟังเพลง, อ่านหนังสือ, พูดคุยกับคนใกล้ชิด, ทำกิจกรรมที่ชอบ, จัดสรรเวลา

  1. การดูแลสุขภาพลำไส้สำคัญอย่างไร?

ลำไส้เป็นที่อยู่ของจุลินทรีย์ที่ดี ช่วยในการย่อยอาหาร ดูดซึมสารอาหาร และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

  1. ควรตรวจสุขภาพประจำปีบ่อยแค่ไหน?

โดยทั่วไปแนะนำให้ตรวจปีละ 1 ครั้ง

  1. DR.MO Clinic มีบริการฉีดวิตามินหรือไม่?

มี บริการ Vitamin Drip ช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้อย่างรวดเร็ว เช่น Chelation Drip, Mayer Drip, Antioxidant Push

เกี่ยวกับการดูแลจากภายนอก

  1. วิธีทำความสะอาดผิวหน้าที่ถูกต้อง?
    เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสมกับสภาพผิว, ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดวันละ 2 ครั้ง, ทำความสะอาดอย่างเบามือ, เช็ดหน้าให้แห้ง
  2. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดใดบ้างที่ช่วยชะลอวัย?

มอยส์เจอไรเซอร์, เซรั่ม (วิตามินซี, วิตามินอี, ไฮยาลูโรนิก แอซิด), ครีมบำรุงผิว

  1. วิธีปกป้องผิวจากแสงแดด?

ทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป, หลีกเลี่ยงแดดช่วง 10.00-16.00 น., สวมใส่เสื้อผ้าปกปิด, กางร่ม

  1. ควรขัดผิวบ่อยแค่ไหน?

สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง

  1. ควรมาส์กหน้าบ่อยแค่ไหน?

สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง

เกี่ยวกับ DR.MO Clinic

  1. DR.MO Clinic มีบริการอะไรบ้างที่ช่วยชะลอวัย?

โบท็อกซ์, ฟิลเลอร์, ร้อยไหม, เมโส, เลเซอร์, ทรีทเมนท์, สารเติมเต็มผิว (Skin Booster), Indiba

  1. DR.MO Clinic ตั้งอยู่ที่ไหน?

DR.MO Clinic ตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ อยู่โครงการ Star Avenue 1 (ใกล้กับโรงเรียนมงฟอร์ตมัธยม) 

Location: https://g.co/kgs/MRDzT5